วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

Gatesara544189105

ประโยชน์ และ คุณค่าของสับปะรด

สับปะรด มีคุณค่าอย่างไร..
      สับปะรด เป็นผลไม้ธรรมดาๆ ที่เราสามารถหาซื้อรับประทานได้ง่าย เนื่องจากออกผลตลอดทั้งปีไม่ต้องรอตามฤดูกาล หากรับประทานสดๆ ก็ทำให้เย็นฉ่ำดับร้อนได้ หรือคุณแม่บ้านบางคนนิยมนำไปปรุงอาหารก็ให้รสชาติที่ดีทีเดียว นอกจากนี้คุณผู้อ่านทราบหรือไม่ว่าสับปะรดยังมีคุณประโยชน์อีกมากมายที่เราไม่ควรมองข้าม คุณปฏิมา พรพจมาน นักกำหนดอาหาร โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ให้ความรู้ว่า ในสับปะรดมีสารอาหาร ที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายหลายชนิด โดยสารอาหารที่มีมาก ก็ได้แก่ แมงกานีสและวิตามินซี ซึ่งแมงกานีสเป็นเกลือแร่ตัวหนึ่งที่ร่างกายต้องการและขาดไม่ได้ เนื่องจากช่วยในการสร้างการเจริญเติบโตของร่างกายและควบคุมการทำงานของเอนไซม์หลายชนิด รวมทั้งการเผาผลาญโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมันให้เป็นพลังงานของร่างกาย ส่วนวิตามินซีช่วยในการสร้างภูมิคุ้มกัน เนื่องจากมีสารต้านอนุมูลอิสระ สามารถป้องกันโรคหัวใจ ความดันและโรคเหงือกได้ นอกจากนี้ยังมีสารตัวหนึ่งชื่อโบรมิเลน” (Bromelain) ซึ่งพบเยอะมากในสับปะรด ช่วยในการย่อยโปรตีนในเนื้อสัตว์ คุณแม่บ้านจึงนิยมนำมาหมักเนื้อสัตว์ซึ่งจะทำให้เนื้อนุ่มน่ารับประทาน และยังเป็นสารที่ช่วยลดอาการอักเสบต่างๆ ให้ร่างกายอีกด้วย ส่วนวิตามินบี 1 และวิตามินบี 6 ซึ่งมีอยู่ในสับปะรดจำนวนไม่มาก แต่ก็มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น วิตามินบี 1 ช่วยในเรื่องของการป้องกันอาการเหน็บชา เหนื่อยง่าย และวิตามินบี 6 ช่วยให้การทำงานของระบบประสาท และเม็ดเลือด หากร่างกายขาดจะลดการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ช่วยป้องกันโรค ทั้งนี้สับปะรดเป็นผลไม้ที่ช่วยดับความร้อนยังมีสรรพคุณทางยาในการช่วยขับปัสสาวะอ่อนๆ และมีกากใยอาหารที่ช่วยในเรื่องของระบบขับถ่าย อย่างไรก็ตามหากเรารับประทานสับปะรดเพียงอย่างเดียวโดยไม่ดูแลสุขภาพและไม่ออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย คุณค่าจากสับปะรดก็จะไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายของเราเลย ที่สำคัญการบริโภคสับปะรดไม่ใช่จะมีเฉพาะประโยชน์อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีข้อเสียด้วยเพราะ สับปะรดดิบมีฤทธิ์เป็นยาถ่ายอย่างแรง ถ้าเราบริโภคในปริมาณที่มากจนเกินไปอาจส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพร่างกายได้
สับปะรด เป็นพืชที่รสชาติดี ใช้กินเป็นผลไม้ หรือปรุงเป็นอาหาร ส่วนมากนิยมนำไปแปรรูปทำเป็นสับปะรดกระป๋อง และสับปะรดกวน ส่วนใบมีเส้นใยยาวเหนียว สามารถนำไปทำเป็นเชือก หรือ ทำเป็นกระดาษ สับปะรดมีรสหวานฝาดเล็กน้อย สารอาหารที่อยู่ในสับปะรดมีประโยชน์จำนวนมาก และมีคุณค่าทางยาสูง มีสรรพคุณช่วยย่อยอาหารจำพวกเนื้อ เสริมการดูดซึมอาหาร ดับร้อนแก้กระหาย สับปะรดยังมีสารจำพวก น้ำตาล กรด วิตามิน อยู่หลายชนิด การรับประทานสับปะรดเป็นประจำ จะช่วยป้องกันโรค ไตอักเสบ ความดันโลหิตสูง หลอดลมอักเสบ สับปะรดที่เริ่มนิ่ม มีน้ำเหนียวๆ ไหลออกมา แสดงว่าสุกมากเกินไปและเริ่มเน่า ไม่ควรรับประทาน
การรับประทานที่ถูกวิธี คือ ใช้มีดใหญ่เฉือนเปลือกออกจนหมด จากนั้นจึงใช้มีดตัดส่วนตาออกเป็นร่องเฉียง เป็นแถวๆ เอาส่วนตาออกแล้วตัดเป็นชิ้น แล้วเอาเกลือแกงทาให้ทั่วหรือมิฉะนั้นก็แช่ในน้ำเกลืออ่อนๆ ประมาณ 2-3นาที การทาเกลือหรือแช่ในน้ำเกลือนอกจากจะทำให้รสชาติดีขึ้นแล้ว ยังเป็นการทำลายสารจำพวก Glycoalkaoid และ เอ็มไซม์ บางชนิด ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดอาการแพ้ได้ หลังรับประทาน

 

ประโยชน์ของสับปะรดทางกายภาพ 

คุณรู้หรือไม่ว่า ในสับปะรด 1 ต้นนั้น นอกจากการรับประทานเนื้อสับปะรดแล้วส่วนอื่นๆ ของสับปะรดให้ประโยชน์อะไรกับเราบ้าง มาทำความรู้จักกับเรื่องที่เป็นสับปะรดกันเลยค่ะสับปะรดเป็นไม้ผลลำต้นเตี้ย เจริญเติบโตได้ดีในที่มีอากาศร้อนแห้งแล้ง ดินปนทราย ผลมีขนาดใหญ่กว่าลำต้น ใบเรียวยาวและแข็งแรงใช้ในการเก็บกักน้ำ มีเส้นใยเหนียวมาก ผลมีเปลือกแข็งหุ้มโดยรอบ และมีตา ปรากฏอยู่รอบๆ เปลือก เนื้อสับปะรดมีรสหวานอมเปรี้ยวชุ่มน้ำ บางพันธุ์มีรสหวานฉ่ำ นิยมปลูกทั้งพันธุ์ปัตตาเวีย และพันธุ์ภูเก็ต
ผลสับปะรด ซึ่งประกอบด้วยส่วนที่เป็นเนื้อและน้ำนั้น มีประโยชน์มากมาย ตั้งแต่การบริโภคผลสด รวมถึงเป็นสินค้าส่งออกต่างประเทศ นอกจากนี้ยังนำส่วนเนื้อสับปะรดมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้แก่ สับปะรดกวน, สับปะรดอบแห้ง, สับปะรดในน้ำเชื่อม(บรรจุกระป๋อง)และแยมสับปะรด เป็นต้น ในส่วนน้ำสับปะรดที่คั้นได้ก็สามารถแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้แก่ เครื่องดื่มน้ำสับปะรด,ไวน์ และน้ำส้มสายชู เป็นต้น 
จุกและหน่อสับปะรดหน่อสับปะรด คือส่วนที่แตกขยายออกจากลำต้นเดิมจุกสับปะรด  คือส่วนที่อยู่บนยอดผลสับปะรดทั้งหน่อและจุกสับปะรด สามารถใช้ประโยชน์ในการขยายพันธุ์ได้เช่นเดียวกัน ชาวไร่สับปะรดส่วนใหญ่นิยมใช้หน่อพันธุ์ เนื่องจากต้นโตไว ได้ผลผลิตเร็วกว่าการใช้จุกขยายพันธุ์ ลำต้นหรือเหง้า สับปะรด คืออีกส่วนหนึ่งที่มีมูลค่า ไม่น้อยไปกว่าผลสับปะรด เนื่องจากเหง้าสับปะรดสามารถนำมาสกัดสารโบรมิเลน เพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ รวมทั้งนำมาเข้าเครื่องยาสมุนไพรเพื่อทำยารักษาโรคได้
ใบสับปะรด ปกติชาวไร่สับปะรดจะฟันใบสับปะรดในช่วงก่อนบังคับ  การออกดอก ซึ่งเศษใบที่ฟันนั้นมีประโยชน์ในการคลุมหน้าดินและย่อยสลายเป็นปุ๋ยในแปลงสับปะรดต่อไป นอกจากนี้แล้วปัจจุบันใบสับปะรดเป็นเศษวัสดุที่มีมูลค่าเนื่องจากมีการนำ ใบสับปะรดมาแปรรูปเป็นผ้าใยสับปะรดเป็นผ้าพื้นเมืองของประเทศฟิลิปปินส์ และกระดาษใบสับปะรด ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดเพราะสามารถนำไปประดิษฐ์เป็นสิ่งของเครื่องใช้อื่นๆ ได้อีกมากมาย 
เปลือกสับปะรด ที่เหลือจากโรงงานแปรรูปฯ ยังมีประโยชน์อีกด้วย เนื่องจากส่วนตาสับปะรดที่เปลือกนั้นอุดมด้วยสารอาหารที่มีคุณค่า จึงมีการนำเปลือกสับปะรดมาเป็นอาหารของโค และสามารถ อบแห้งเป็นส่วนผสมของอาหารสัตว์อื่นๆ ได้อีก   นอกจากนี้ยังนำมาหมักเป็นปุ๋ยน้ำชีวภาพได้อย่างดี 
แกนสับปะรด คือส่วนที่อยู่กลางผลต่อจากก้าน ปกติไม่นิยมนำมารับประทานสด เพราะเนื้อสัมผัสแข็งกระด้าง จึงได้นำมาแปรรูปเป็นแกนสับปะรดอบแห้ง และแกนสับปะรดหยี เพื่อเพิ่มมูลค่าได้อีกส่วนหนึ่ง สรุปแล้ว ทุกส่วนในสับปะรด 1ต้น สามารถให้ประโยชน์กับมนุษย์อย่างคุ้มค่าถ้าหากเรานำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ลองคิดดูว่าเพียงสับปะรด 1 ต้น สามารถเพิ่มมูลค่าในตัวมันเองได้มากมาย

ประโยชน์ของสับปะรดทางชีวภาพ
1.ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง รับประทานสับปะรดวันละหนึ่งชิ้นก็จะช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินซีที่สำคัญคือ วิตามินซีช่วยในการทำงานของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันและยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายติดเชื้อและต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ การรับประทานสับปะรดวันละหนึ่งชิ้นจึงเป็นการเพิ่มแรงต้านโรคให้แก่ร่างกายแต่ในผู้ที่มีเลือดจางไม่ควรกินมากนัก
2.ช่วยในการย่อยอาหาร สับปะรดมีกากใยอาหารมากซึ่งมีความสำคัญกับการย่อยอาหาร และเป็นที่รู้กันอยู่ว่ากากใยอาหารช่วยลดคอเลสเตอรอล ควบคุมน้ำตาลในเส้นเลือดและช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง
3.ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดี สับปะรดมีสารแอนตี้ออกซิแดนต์ เช่น วิตามินซี เบต้าแคโรทีน และแมงกานีส ที่จะช่วยป้องกันอันตรายจากอนุมูลอิสระที่จะทำลายโครงสร้างของเซลล์ และอาจทำให้เป็นโรคหัวใจและอัมพฤกษ์ อัมพาต นอกจากนี้สารแอนตี้ออกซิแดนต์ยังมีความสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอีกด้วย
4.ป้องกันความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง การรับประทานผักและผลไม้เป็นประจำและลดการสูบบุหรี่ก็จะช่วยลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งกระเพาะอาหารและมะเร็งเต้านมเพราะสับปะรดมีสารแอนตี้ออกซิแดนต์ที่ช่วยป้องกันอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นตัวการก่อมะเร็ง และจากการศึกษาพบว่า เอนไซม์ Bromelain ในสับปะรดจะช่วยป้องกันการเติบโตของเซลล์ร้ายในปอด ป้องกันมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งรังไข่
5.ช่วยป้องกันโรคต่าง ๆ การรับประทานผักและผลไม้ให้ได้วันละ 5 กำมือ จะช่วยลดการเสียชีวิตด้วยโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาต หรือมะเร็ง ได้ถึง 20%
6.ช่วยให้เหงือกแข็งแรง สับปะรดช่วยให้สุขภาพในช่องปากแข็งแรง เนื่องจากสับปะรดมีวิตามินซีสูงที่จะช่วยป้องกันความเสี่ยงจากโรคเหงือกได้
7.ช่วยยับยั้งการอักเสบ เอนไซม์ Bromelain ในสับปะรดจะช่วยยับยั้งการอักเสบทั้งนี้ ชาวอเมริกาใต้โบราณ ใช้สับปะรดเป็นยารักษาโรคผิวหนังและรักษาบาดแผล
หมายเหตุ : แม้ว่าสับปะรดจะมีประโยชน์มากแต่ก็ควรกินพอประมาณ เช่น วันละหนึ่งชิ้น และกินผลไม้อื่นๆ ให้หลากหลายด้วยเพราะการกินอะไรที่มากเกินไปก็ย่อมให้ผลเสียทั้งนั้น